มองหาโอกาสจากการสร้างแอพบนมือถือ และอุปกรณ์พกพา

หลายๆคน มีความเชื่อว่า เขียนแอพแล้วได้เงิน ทำแอพแล้วรวย งานสัมมนา เปิดโลกไอที พลิกสู่ชีวิตที่ดีกว่า หัวข้อ สร้างแอพ สร้างโอกาส มีคำแนะนำจากคุณสิทธิพล พรรณวิไล (@nuuneoi) นักพัฒนามืออาชีพ และเจ้าของโปรเจค MOLOME เข้มข้นด้วยข้อมูลอัดแน่นจากนักพัฒนาแอพ “ติ๊กเก้อ” คุณยุคลอาจ ชาญพานิชกิจการ กับคำแนะนำในการทำแอพเพื่อสร้างรายได้และโอกาส และข้อมูลจาก LINE โดยคุณวัชรพงษ์ พจนีย์นนท์ Manager, LINE Thailand เพื่อมองหาโอกาสจากความสำเร็จในการทำแอพ

ก่อนอื่น ต้องหาคำตอบว่า ทำไมการสร้างแอพ ถึงสร้างรายได้ และสร้างโอกาสได้มาก เหตุเพราะการเติบโตของสมาร์ทโฟน ซึ่งล่าสุด การเติบโตของสมาร์ทโฟน มาจาก Android และโค่นส่วนแบ่งของฟีเจอร์โฟน ทำให้สมาร์ทโฟนราคาถูกมีให้เลือกมากมาย คนใช้แอพมีจำนวนมากขึ้น

แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนทำแอพแล้วจะรวย บริษัทที่เป็น Role Model ในการทำแอพคือ Angry Birds เป็นบริษัทที่ทำแอพมากมาย แต่ดังระเบิดจาก Angry Birds มีเกมเยอะมาก ทำรายได้มหาศาล และรู้จักไปทั่วโลก ตอนนี้มีการรับสมัครโปรแกรมเมอร์ด้าน Mobile เยอะมาก มีงานทำแน่นอน แต่ถ้าหวังจะทำแอพแล้วดัง จะต้องคิดแตกต่าง และตรึงใจผู้ใช้ ยกตัวอย่างเช่น LINE มี Sticker ซึ่งมาจาก Emotional การแสดงอารมณ์ของมนุษย์ ซึ่งปกติแล้ว การดีใจสุดๆ เสียใจสุดๆ ในชีวิตจริงมัน acting มากขนาดนั้นไม่ได้ แต่ Sticker ช่วยสื่ออารมณ์ได้แบบสุดๆ ทำให้คนนิยมการใช้ Sticker และไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดในการซื้ัอ Sticker

อีกตัวอย่างที่น่าสนใจคือ แอพเมเจอร์ (Major Cineplex) ปกติแล้ว เมเจอร์ มีรายได้หลักจากการขายตั๋วหนัง ปกติต้องซื้อผ่าน box office และซื้อผ่านเน็ต การทำแอพสร้างโอกาสได้มาก ลูกค้าสามารถทำทุกอย่าง เช็กรอบหนัง จองตั๋ว จากมือถือได้เลย

ก่อนหน้ายุคที่มี AppStore นั้น สิ่งนักพัฒนาอย่าง @nuuneoi เจอก็คือ เก็บเงินไม่ได้ และเรื่องลิขสิทธิ์ การไม่มี AppStore ต้องอาศัยการบอกต่อของผู้ใช้ ปัญหานี้ก็ทำให้นักพัฒนาขาดรายได้มหาศาล แต่หลังจากมี AppStore ก็มีรูปแบบการจัดเก็บที่เป็นระบบมากขึ้น

ตอนนี้ ต้องบอกว่า ecosystems พร้อมทุกอย่างแล้ว ยอด subscription มือถือ 6.4 ล้าน เป็นโอกาสในการสร้างรายได้จากแอพ จากจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟน

ควรพัฒนาแอพบนแพล็ตฟอร์มใด?

ในมุมของนักพัฒนา @nuuneoi บอกว่า แอนดรอยด์ เป็นผู้นำสมาร์ทโฟน ดังนั้นการทำแอพ ถ้าอยาก Mass แนะนำให้เน้น Android และ iOS แต่อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ทำแอพบน iOS ก่อน เพราะหากทำแอพบน Android นักพัฒนาจะต้องแก้ไขแอพตลอดเวลา เพื่อให้รองรับการใช้งานบน Android ทุกรุ่น ทุกขนาดหน้าจอ ทุกขนาดความละเอียดหน้าจอ เพราะ Android มีหลากหลายรุ่นมาก ตอนนี้ Android มีกว่า 3 พันกว่ารุ่นที่ register บน Google Play อีกไม่รู้กี่รุ่นที่ไม่ได้ลงทะเบียน นั่นหมายความว่า กว่าจะทำแอพให้รองรับทุกหน้าจอ ใช้เวลานานมาก

ช่องทางหารายได้จากการสร้างแอพ

ถ้าอยากจะสร้างรายได้จากการทำแอพ ต้องมองตลาด และตอบคำถามก่อนว่า ทำแอพเพื่ออะไร จะทำฟรี ทำเอาสนุก หรือทำสร้าง portfolio ส่วนการสร้างแอพแบบที่มี Free with Ads มีรายได้ 1-5 cents ต่อคนต่อวัน แต่ผู้ใช้จะรู้สึก annoy กับโฆษณา ส่วนการทำแอพแบบแจกฟรี แต่ขายของในแอพ in-app purchase ผู้ใช้ อาจจะต้องจ่ายทุกเดือน เพื่อใช้ sticker ต่อไป

ส่วนการทำแอพในรูปแบบหรือแนวคิดแบบใดนั้น อย่าทำแอพเพื่อสู้กับเจ้าใหญ่ในตลาด ซึ่งมีคนชนะ มีผู้นำแล้ว แต่ถ้าสำเร็จก็จะดังมาก หากทำแอพแบบเดียวกับ instagram อย่าทำเลย ทำแอพแต่งรูป แล้วแชร์ลง instagram นั้นยังน่าทำอยู่ แต่การทำแอพต้องมองตลาด ยกตัวอย่าง MOLOME ทำแอพแข่งกับ Instagram แต่พอ Facebook ซื้อ Instagram ก็ยังสู้ต่อ ด้วยจุดขายที่แตกต่างกัน แต่ในขณะทึ่แอพใกล้เคียงอย่าง PicPlz ยกเลิกการพัฒนาลง

จุดแข็งของแอพที่เติบโตได้ก็คือมีการทำแอพแบบ cross platform ไม่ยึดติดแพล็ตฟอร์มใดแพล็ตฟอร์มหนึ่ง แอพที่ประสบความสำเร็จ จะต้องขโมยเวลาชีวิตของเราได้ เช่น LINE ที่คนไทยใช้แอพทั้งวัน และการทำแอพให้ดาวน์โหลด ต้องให้ผู้ใช้รู้สึกอยากใช้ซ้ำ บางแอพหวังแต่ยอดดาวน์โหลดเยอะ แต่ผู้ใช้ไม่ใช้ซ้ำ ไม่ถือว่าเป็นตัววัดความสำเร็จ ตัวอย่าง LINE ทีใช้สติกเกอร์ดึงดูดความสนใจ มีเกมเป็น Social Network ใหม่ มีอะไรใหม่ๆให้ผู้ใช้ได้ใช้งาน

นอกจากนี้ อาจจะคิดถึงโอกาสในการทำแอพในเชิงธุรกิจ เช่น ตรวจรับคอนโด เคลมประกัน ที่นำสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต ไปทำงานนอกสถานที่ พร้อมถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็ว ฉับไว

อีกแอพที่น่าจับตามอง Absolute Play เจ้าของแอพ “ติ๊กเก้อ” (Ticker) มาพร้อมความแตกต่างของแนวคิด คนทำแอพชอบถ่ายรูป พลิกมุมแบบไทยๆ มาช่วยในการทำแอพ โดยแอพติ๊กเก้อ อาศัยความ “ถูกจริต” ของคนไทย มีอารมณ์ขัน แซวตัวเองได้แบบขำๆ ซึ่งในชีวิตจริงทำไม่ได้ คนไทยชอบหวนหาอดีต เช่น สติ๊กเกอร์ท้ายรถสิบล้อในสมัยก่อน

ส่วนเรื่องช่องทางการทำรายได้ ติ๊กเก้อ ปฏิเสธการติดแบนเนอร์เพราะรู้สึก annoy ผู้ใช้ แต่หันมาใช้การขายสติกเกอร์สำหรับแบรนด์แทน เช่น MK, Yayoi, เบลโล, เสือดาว เป็นแบรนด์ไทยๆ ที่หันมาใช้สื่อดิจิตอลได้อย่างลงตัว หรือแม้แต่เล่นตามกระแสละครกับ “คุณชายหมอ”

ส่วน LINE นั้น ประจำความสำเร็จอย่างมาก ด้วยจำนวนผู้ใช้ 150 ล้านคนทั่วโลก 15 ล้านคนในประเทศไทย สูตรแห่งความสำเร็จของ LINE คือ ”ทุกคนที่ใช้ LINE มีความสุข” ผู้ใช้ได้คุยกับเพื่อน ได้ติดต่อคนรู้จัก ใช้แล้วติดใจแอพสวย มี Value Added Service สติกเกอร์ใช้ฟรีตั้งแต่วันแรก อยากจะใช้ลายที่เสียเงินก็ซื้อเพิ่ม ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด

การเติบโตของ LINE แปลกประหลาด เพราะจริงๆแล้วเป็นโปรเจคของเกาหลี แต่เกิดที่ญี่ปุ่น ฮิตในไต้หวัน ฮ่องกง ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนิเซีย และที่น่าตกใจคือ ไปเกิดที่สเปน มีผู้ใช้ 10 ล้านคน และ 4 ตัวละครหลักของ LINE มาจากการแสดงอารมณ์ต่างๆ ที่แสดงออกได้ยากในความเป็นจริง สติกเกอร์ทั่วไปแสดงความรู้สึกได้ไม่สุด LINE จึงเข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้

นอกจากนี้ LINE ยังมี backup ที่ดีอย่าง NHN Naver เคยทำ Search Engine มาก่อน เคยทำเกมมาก่อน ตอนทำ LINE Game จึงเข้าใจผู้ใช้

และอีกไอเดียแนวคิดน่าสนใจก็คือ พยายามออกแบบแอพ ไม่ให้ผู้ใช้เบื่อ สลับแอพไปใช้แอพอื่น แช็ตอยู่ รอเพื่อนพิมพ์ตอบ ก็สลับไปดู timeline และจุดสำคัญของ LINE คือ พยายามทำความรู้จักผู้ใช้ เป็นเพื่อน ในขณะที่แอพอื่นๆ ไม่พยายามรู้จักผู้ใช้ แต่อยากให้ผู้ใช้มาทำความรู้จัก เมื่อใช้งานยาก และไม่ประทับใจ ก็ไม่ใช้ซ้ำ

สำหรับในประเทศไทยนั้น คนไทยใช้ LINE ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นอันดับ 1 ของโลก กลุ่มที่ใช้งานหนัก หนุ่มใช้ LINE จีบหญิง ตำรวจใช้ LINE แม่บ้านใช้ LINE และคนในครอบครัวคุยผ่าน LINE ไม่โทรหากัน แต่ LINE คุยกัน

และทั้งหมดก็เป็นสรุปเนื้อหาจาก งานสัมมนา เปิดโลกไอที พลิกสู่ชีวิตที่ดีกว่า หัวข้อ สร้างแอพ สร้างโอกาส ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ในงาน เปิดโลกไอที พลิกสู่ชีวิตที่ดีกว่า โดยไอที24ชั่วโมง ครอบครัวข่าว3 และ สำนักงาน กสทช.

บทความเป็นต้นฉบับมาจากเว็บไซต์ "ไอที24ชั่วโมง เปิดโลกไอที พลิกสู่ชีวิตที่ดีกว่า" : http://www.it24hrs.com/2013/application-business-opportunity/